คำนำ : รำพึงริมระเบียง

บ่ายวันหนึ่ง..
ลมแล้งพัดโบย แม้ลมยังร้อนระอุ
ใบโพธิ์ทะเลพลิ้วปลิวตามแรงลม
ร่วงหล่นซบดินลงกราดเกลื่อน
ผู้เฒ่าโพธิ์ทะเลที่เป็นเหมือนเพื่อนบ้านอารี
ยามนี้เหลือแต่กิ่งก้านแห้งแกร็น
ดูราวท่านกำลังจะละสังขาร

ฉันวางหนังสือลง..ยกกาแฟก้นแก้วที่เย็นชืดขึ้นซด
แล้วคว้าไม้กวาดหมายใจจะกวาดใบแห้งเหล่านั้นไปรวม ๆ กันไว้
เย็นนี้ค่อยเผา

"กวาดทำไม?" เสียงทักถามของผู้เฒ่าดังในห้วงสำนึก
"ก็แล้วท่านปลิดใบทำไมเสียหมดต้นอย่างนั้น?" ฉันถามกลับ
"ชีวิตยินยอมปรับตัวให้เหมาะกับดินฟ้าอากาศเพื่อความอยู่รอด"
นั่นเป็นคำตอบที่ฉันรู้ดี ไม่มีข้อสงสัยฉันก้มหน้าก้มตากวาดไป
"กวาดทำไม?"
"อ้าว..จะได้เตียน ๆ โล่ง ๆ" ฉันว่า
"ใบแห้งคืออาหารของเรา เราปลิดใบนอกจากปรับตัวให้สัมพันธ์กับ
ความร้อนแล้งแล้วยังใช้ใบแห้งเป็นอาหารสำหรับผลิใบอ่อนเมื่อฝนมา"
"อ้าว...เหรอ.." ฉันชะงักมือ

ฉันอยู่กับผู้เฒ่ามานาน--นานพอเข้าใจชีวิตผู้เฒ่าที่คอยอบรมชีวิตของฉันมาแรมปี

คำ 'อาหาร' สำหรับผู้เฒ่าหาได้หมายเฉพาะอาหารแห่งตน
หากแต่ยังหมายถึงก้านอ่อน..ใบอ่อน..จนถึงลูกอ่อน..
ที่จะได้เป็นที่อาศัยพักพิงบังแดดฝนเป็นแหล่งอาหาร
ของพวกนก..หนอน..แมลง..และอีกสรรพชีวิต

ฉันวางไม้กวาดลง หลังจากบ่ายวันนั้นฉันไม่เคยคิดกวาดใบไม้แห้งไปเผาอีกเลย

ทุกบ่ายฉันนั่งที่ระเบียง มีหนังสือเล่มหนึ่ง..กาแฟแก้วหนึ่ง..
หลายครั้งที่เหลือบมองใบไม้เหล่านั้นค่อย ๆ ผุสลายกลายเป็นส่วนหนึ่งของดินอุดม อดคิดไม่ได้..

ตัวอักษรที่ฉันขีดเขียนคงเป็นเช่นใบไม้แห้งเหล่านั้น

ธุลิดิน