ภาพชีวิต


ยามบ่ายระเบียงร้อนด้วยไอแดด
ฉันหอบเสื่อ กาน้ำชา แก้ว หนังสือ หมอน
มาปูบนพื้นหญ้าใต้ชายคากระท่อม
ยิ่งคล้อยบ่าย ร่มเงาใต้ชายคายิ่งกว้างออกไป

สายลมพัดเอื่อยเย็นสบาย
นกกาน้ำดำผุดดำว่าย
เล่นเกมไล่ล่าที่ตัดสินกันด้วยชีวิตกับฝูงปลานิลในบ่อ
สักพักก็โผขึ้นไปเกาะเสา กางปีกตากแดด

สงสัยพักเหนื่อย

เป็นเช่นนี้ก็ดีสินะ
ออกกำลังกายไปด้วย
ทำงานหากินไปด้วย อาบแดดไปด้วย
ดูท่าจะมีความสุขหยอกเสียเมื่อไร

ฉันก้มหน้าอ่านหนังสือ
สักครู่ได้ยินเสียงจ๋อม! ฉันเงยหน้ามอง
เจ้ากาน้ำโผกลับลงไปดำผุดดำว่ายต่อ

ไกลออกไป…
ลุงสร้อยกับป้าตุ่นกำลังวางปู

ตามขอบบ่อคันนาปูเปี้ยวชอบเจาะรูสร้างที่อยู่อาศัย
เมื่อก่อนการจะจับปูต้องใช้ทักษะความชำนาญ
แต่ตอนนี้มีการผลิตกระป๋องล่อเหยื่อให้ปูเข้าไปจับเหยื่อ
จากนั้นปากกระป๋องก็จะดีดปิดลง เจ้าปูเป็นอันเสร็จ
การดักปูเปี้ยวจึงเป็นงานที่ทำได้ทั่วไป
แค่เอากระป๋องเหยื่อมาวางไว้ที่ปากรู
แล้วทิ้งไว้สักพักค่อยกลับมาเก็บ
ไม่ต้องเดินจับด้วยมืออย่างแต่ก่อน

ลุงสร้อยเตรียมกระป๋อง
ป้าตุ่นเป็นคนวาง

ฉันวางหนังสือลง
นั่งมองคนทั้งสอง
ทั้งสองสูงวัยแต่ร่างกายยังแข็งแรงเดินเหินแคล่วคล่อง

นั่งมองคนทั้งคู่แล้วต้องอมยิ้ม

ช่างน่าอิจฉานัก
สามีภรรยาช่วยกันทำงาน
เห็นหน้ากันตลอดเวลา

อยู่กับแดดกับลม
ไม่ต้องวุ่นวายกับเล่ห์เหลี่ยมกลโกงในสังคมคน
ทั้งร่างกายก็แข็งแรงทนฟ้าทนฝน

กลางวันวางกระป๋องเสร็จลุงสร้อยก็คว้าจักรยาน
ป้าตุ่นคว้าเอวนั่งซ้อนท้าย กลับบ้านไปกินข้าว
บ่าย ๆ จึงออกมาเก็บกระป๋องแล้ววางรอบเย็น

ชีวิตเช่นนี้ไม่ใช่หรือที่ฉันปรารถนา
ทำมาหากินง่าย ๆ
มีเวลาอยู่กับคนที่เรารัก
เก็บเล็กผสมน้อยห่างไกลแรงโลภโมโทสัน
กินแค่พออิ่ม เก็บแค่พอใช้

ฉันยิ้มเพราะรับรู้ว่าชีวิตพอเพียง
มีอยู่แล้วในชีวิตประจำวันนี่เอง
มีอยู่ทั่วไปในชนบท

เจ้ากาน้ำโผขึ้นมาอาบแดดอีกครั้ง
ฉันก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ
สักพักลุงสร้อยป้าตุ่นเดินมาที่กระท่อม
คงวางปูเสร็จแล้วเตรียมกลับบ้าน

ฉันเงยหน้าขึ้นยิ้มทักทาย

“น่าอิจฉาจริงนะสองคนคุยกันทั้งวัน”

“อิจฉาอะไร คุยกันจนไม่รู้ว่าจะคุยเรื่องอะไรแล้ว” ป้าตุ่นว่า

“เอาน้ำสักหน่อยไหม?” ฉันตั้งท่าจะลุกไปรินน้ำเย็นให้

“ไม่เป็นไรไม่ต้องหรอก นั่งพักสักเดี๋ยวก็จะกลับบ้านแล้ว” ลุงสร้อยควักใบจากซองยาสูบขึ้นมานั่งมวน

“ดีนะงานกลางแจ้งอย่างนี้ทำให้ร่างกายแข็งแรง”

“โอ๊ยดีที่ตรงไหน เลอะดินเปรอะโคลนตากแดดตัวดำลำบากตรากตรำละไม่ว่า” ป้าตุ่นค้าน

“เบี้ยก็ได้น้อย” ลุงสร้อยจุดยาสูบ มวนยาแดงวาบ

“น้อยที่ไหนได้แน่ ๆ อย่างน้อยวันละสองร้อยรู้นา” ฉันแกล้งหยอก
ทั้งสองยิ้ม “เดี๋ยวว่าง ๆ จะลองวางบ้าง” ฉันว่า

“โอ๊ยอย่ามาทำเลยอายเค้า อยู่อย่างนี้ล่ะดีแล้ว” ป้าตุ่นพับกระสอบที่ใช้ใส่กระป๋องดักปู

“กลัวแย่งปูหมดใช่ไหม?”

“ม่ายหรอก…งานมันต่ำอย่ามาทำเลย” ลุงสร้อยพ่นควันแล้วพูดต่อ “เราก็แค่หากินไปวัน ๆ”

เงากระท่อมทอดยาวตามตะวันที่คล้อยต่ำลง
ฉันมองคนทั้งสองปั่นจักรยานไปบนถนนดินในเงาแสงยามเย็น
จักรยานรึก็ไม่ต้องเต็มน้ำมัน
คนทั้งสองปลูกพืชผักสวนครัวรับประทาน
วัน ๆ แทบไม่มีค่าใช้จ่าย
หาได้มาเท่าไรก็เก็บเท่านั้น

ทั้งสองลับตาไปแล้ว
ขณะที่ฉันอิจฉาชีวิตเขาทั้งสอง
ทั้งคู่จะเคยคิดอิจฉาตัวเองบ้างมั้ยนะ?

เสียงดังจ๊อม!
ฉันหันไปดู
เจ้ากาน้ำยังคงดำผุดดำว่ายไม่ยอมกลับรัง

…….