teatime



ยามบ่าย…
ไอแดดแผดกล้า…
ฟ้าใส ทิวเมฆขาวลอยล่อง
ฉันชอบหลบเข้าใต้เงาไม้ข้างกระท่อม
ยกป้านชา แก้วชา มานั่งห้อยขาที่ระเบียง เสียงพวกเพื่อนนกพูดคุยกันจิ๊บ ๆ สายลมพัดโชยมาแผ่ว กิ่งไม้โยกโยนเริงระบำลม ใบไม้ปลิดขั้ว ร่วงพรูพลิกพลิ้ว หลายใบมาสงบนิ่งอยู่ข้าง ๆ ฉัน
นั่นคือเสียงพูดคุย !
เสียงพูดคุยทักทายจากโพธิ์ทะเลเฒ่า
ผู้เฒ่าที่คอยชี้แนะตักเตือนฉันตลอดเวลาที่มาอาศัยอยู่ใต้ร่มเงา
ด้วยคำพูดแผ่วเบา อาทร ไม่เคยชี้นำ กลับแนะให้ฉันคิด คิดเท่าที่สามารถคิดได้ ฉันค่อย ๆ เรียนรู้ ทั้งจากลองผิด ลองถูก ทั้งจากครุ่นคิด ทบทวน ผู้เฒ่าย้ำว่า “การเรียนรู้ไม่มีจบสิ้น”
ฉันยกแก้วชาขึ้นจิบ ไออุ่นผ่านลงเป็นทางขณะกลิ่นยังกรุ่นไล้ปลายจมูก
“เช่นนั้นจะรู้ได้อย่างไรว่า ที่รู้ เป็นความรู้ถูกต้อง ไม่ใช่รู้ผิด ๆ ” ฉันซัก
“ผิดถูกไม่ใช่สาระ สาระอยู่ที่นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ต่อคนรอบข้างหรือไม่? อย่างไร?” ผู้เฒ่าเอ่ยเสียงแผ่ว
ฉันวางแก้วชา สูดหายใจลึก นิ่งมองสายลมหยอกเย้าผู้เฒ่า“วันนี้ไม่ทราบมีเรื่องอะไร?” ฉันชายตามองใบไม้หลากเฉดสีที่สงบนิ่งอยู่ข้าง ๆ
“เห็นใช่ไหม?” ผู้เฒ่าถาม
“เห็นอะไร?”
“มองอะไรอยู่?”
“ใบไม้”
“เห็นใช่ไหม?”
“เห็น”
“เห็นอะไร?”
“เห็นใบไม้”
“แค่นั้น?”
“ใช่…แค่นั้น” เท่าที่ฉันเห็นมีแค่นั้นจริง ๆ ใบไม้ ใบโพธิ์ทะเล ปลิดจากขั้ว ร่วงพลิ้วตามแรงลม ช่วงนี้เป็นหน้าฝน ใบดกเต็มต้น
“นั่น เป็นใบที่ตายแล้ว” ผู้เฒ่ากล่าว จากนั้นก็เงียบเสียง ฉันได้แต่พยักหน้า ไม่ผิด ใบที่ปลิดจากขั้วไม่อาจนับเป็นใบมีชีวิต
ฉันรินชาแก้วใหม่ นิ่งมองใบไม้ บนพื้นระเบียงสายลมเย็นพัดมาอีกครั้ง ใบไม้พลัดหล่น ใบเขียว ใบเหลือง ใบน้ำตาลไหม้ ร่วงลงซ้อนทับกันบนผืนดิน
ฉันได้แต่ยกแก้วชาขึ้นดื่มขอบคุณผู้เฒ่า ●

picture from : http://www.impressionistprints.com/